เรื่อง วัยรุ่นไทยห่างไกลยาเสพติด
Drug-Free (Thai Teens)
อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานอาจารย์ รัชดาภรณ์สามพรม
อาจารย์ที่ปรึษาโครงงานร่วม อาจารย์ สุภาภรณ์เพ็งพุฒ
คณะผู้จัดทำ
1. ด.ช.อติรุจ เจริญสุข ม.3/8 เลขที่
7
2.
ด.ช.ชวนากร แก้วบุดดา ม.3/8 เลขที่ 18
3.
ด.ชฐิติวัสส์ คุณประยูร ม.3/8 เลขที่ 19
4.
ด.ช.ทิตติ ศรีกฤษณ์ ม.3/8 เลขที่ 21
5. ด.ช.ปุรัณ คชรัตน์ ม.3/8 เลขที่ 24
โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาเทคโนโลยีฯ
ในชีวิตประจำวัน รหัสวิชา ง.23102
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา
ชื่อโครงงาน วัยรุ่นไทยห่างไกลยาเสพติด
Drug-Free
(Thai Teens)
ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
คณะผู้จัดทำ 1. ด.ช.อติรุต เจริญสุข เลขที่ 7
2.
ด.ช.ชวนากร แก้วบุดดา เลขที่ 18
3.
ด.ชฐิติวัสส์ คุณประยูร เลขที่ 19
4.
ด.ช.ทิตติ ศรีกฤษณ เลขที่ 21
5. ด.ช.ปุรัณ คชรัตน์ เลขที่
24
ครูที่ปรึกษาโครงงาน
อาจารย์ รัชดาภรณ์ สามพรม
ครูที่ปรึกษาโครงงานร่วม
อาจารย์ สุภาภรณ์ เพ็งพุฒ
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี คณะผู้จัดทำต้องขอขอบคุณ อาจารย์รัชดาภรณ์
สามพรม
และอาจารย์สุภาภรณ์ เพ็งพุฒ
เป็นอย่างมากที่ได้ให้คำปรึกษาชี้แนวทางในการจัดทำ
โครงงานในครั้งนี้จนสำเร็จ และ ขอบคุณครอบครัว เพื่อน
ๆในกลุ่มที่ช่วยเหลือกันเป็นอย่างดี
คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงงานนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจค้นคว้าข้อมูลเป็นอย่างยิ่ง
คณะผู้จัดทำ
บทคัดย่อ
โครงงานนี้ต้องการจะศึกษาเรื่อง
“วัยรุ่นไทยห่างไกลยาเสพติด”
โดยมีวัตถุประสงค์
1.เพื่อให้รู้วิธีป้องกันและหลีกเลี่ยงให้ห่างไกลจากยาเสพติด 2.เพื่อส่งเสริมให้ความรู้เกี่ยวกับ
ยาเสพติดแต่ละประเภทมีอะไรบ้าง
3.เพื่อให้รู้จักโทษภัยและอันตรายจากยาเสพติด เพราะ
ยาเสพติดมีผลกระทบกับตนเอง
ครอบครัว ชุมชน
รวมไปถึงประเทศชาติ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่
และสำคัญที่สุด
โดยเฉพาะวัยรุ่นมีความสุ่มเสี่ยงต่อการติดยาเสพติดมากเป็นอันดับต้น ๆ
จึงได้เล็งเห็นความสำคัญกับปัญหานี้
ได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์และแนวทางในการป้อง
กันต่าง ๆ จากการพัฒนาเว็บไซต์ในครั้งนี้ใช้โปรแกรม Microsoft
Word 2010
ผลการพัฒนาเว็บไซต์เพื่อการศึกษา
เรื่อง วัยรุ่นไทยห่างไกลยาเสพติด ในเว็บไซต์ประกอบด้วย
แนวคิดทฤษฏีเกี่ยวกับวัยรุ่น
ปัญหาของวัยรุ่น
ปัญหายาเสพติดในวัยรุ่น อีกทั้ง
ทฤษฏีเกี่ยวกับยาเสพติด อาทิเช่น ประวัติ ความหมาย
ประเภท ยาเสพติดที่แพร่ระบาด วิธี
การเสพ
สาเหตุของการติดยา
เส้นทางการติดยา
การสังเกตอาการ การหลีกเลี่ยง การป้องกัน
ความร่วมมือจากหลาย ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ทำให้ได้เว็บบล็อกเรื่องวัยรุ่นไทยห่างไกลยาเสพติด เป็นสื่อทางการศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ฉะนั้นถ้าหากวัยรุ่นมีผู้ชี้แนะ
ให้ความสนใจและเข้าใจในความเป็นวัยรุ่น รวมทั้งให้ความรู้วิธีป้องกัน
การปฏิบัติตนที่ถูกต้อง รู้จักโทษภัยของยาเสพติด จะช่วยให้วัยรุ่นเหล่านี้ รู้จักระมัดระวังตัวให้ห่างไกลจากยาเสพติดได้ นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์กับบุคคลที่สนใจทั่วไปอีกด้วย
สารบัญ
หน้า
บทที่ 1 : บทนำ
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน 1
วัตถุประสงค์ที่ศึกษา 1 ขอบเขตของโครงงาน 1
ขั้นตอนการดำเนินงาน 1-2
ผลที่คาดว่าจะได้รับ 2
บทที่ 2 : หลักการและทฤษฏี
แนวคิดทฤษฏีเกี่ยวกับวัยรุ่น 3
- ปัญหาของวัยรุ่น 3
- ปัญหายาเสพติดในวัยรุ่น 3-4
หลักการและทฤษฏีเกี่ยวกับยาเสพติด
- ประวัติของยาเสพติด 6
- ความหมายของยาเสพติดให้โทษ 7
- ประเภทของยาเสพติด 8-11
- ยาเสพติดที่แพร่ระบาดในสังคมไทย 12
- วิธีการเสพยาเสพติด 13
- สาเหตุสำคัญที่ทำให้ติดยาเสพติด
14-18
- เส้นทางการติดยา 18
- การสังเกตอาการผู้ติดยา 19
- ลักษณะอาการของผู้ติดยาเสพติด 20
1.การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย 20-21
2.การเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์ 22
3.การเปลี่ยนแปลงทางด้านพฤติกรรมสังคม 23
- สมองของคนติดยาเสพติด 24
- วิธีหลีกเลี่ยงยาเสพติด 25-26
- ผลดีที่ห่างไกลยาเสพติด 27
-
การป้องกันปัญหาสิ่งเสพติดต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ดังนี้
1.ป้องกันตนเอง 27-28
2.ป้องกันครอบครัว 29
3.ป้องกันชุมชน 29-31
4.ป้องกันการติดยาเสพติดในโรงเรียนหรือสถานศึกษา 31-32
5.รัฐบาล 33
- โทษของยาเสพติด 34-35
บทที่ 3 : วิธีดำเนินการ
3.1โปรแกรมที่ใช้ในการทำโครงงาน 38
3.2วิธีการดำเนินโครงงาน 38-41
แนวทางการดำเนินงาน 42
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน 43
บทที่ 4 : ผลการศึกษา 44
บทที่ 5 : สรุปผลและข้อเสนอแนะ 45-46
บรรณานุกรม 47
บทที่
1บทนำ
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญประการหนึ่งของประเทศไทย เสมือนบ่อนทำลายทรัพยากรและความมั่นคงของประเทศชาติและสังคมเป็นอย่างมาก
ได้มีการดำเนินงานในทุกวิถีทางที่จะป้องกันและปราบปรามมิให้มีการเสพ การซื้อขาย
และการผลิตยาเสพติด
แต่เนื่องจากปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่มีความยุ่งยากและสลับซับซ้อนต่อการดำเนินการ
และไม่ได้มีแต่ประเทศไทยแห่งเดียวเท่านั้น ประเทศอื่นๆเพื่อนบ้านและรอบโลกก็มีการเสพ
การซื้อขายและการผลิตยาเสพติดอยู่ตลอดเวลา
ยาเสพติดเข้ามีอิทธิพลกับวัยรุ่นเป็นอย่างมากในช่วงเวลานี้
โดยบางครั้งอาจได้รับคำชักชวนจากเพื่อน
ในช่วงวัยนี้บุคคลที่มีอิทธิพลต่อวัยรุ่นมากที่สุดก็คือเพื่อน
เพราะปัญหาที่ไม่กล้าบอกเล่าหรือไม่ได้รับความสนใจจากผู้ปกครองรวมทั้งครูอาจารย์
คนที่ได้รับความไว้วางใจที่สุดก็คือเพื่อน
และเพื่อนก็คือคนที่อยู่ในช่วงอายุใกล้เคียงกันเป็นส่วนใหญ่
ทำให้คำแนะนำที่ได้ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง
บ่อยครั้งคำแนะนำที่ได้ก็คือการหลีกหนีปัญหาโดยการใช้ยาเสพติด โดยเริ่มจากบุหรี่
เหล้า และนำไปสู่ยาเสพติดชนิดต่างๆที่ร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นกลุ่มข้าพเจ้าคิดโครงงานนี้เพื่อศึกษาหาความรู้
เกี่ยวกับการติดสารเสพติดในปัจจุบันของวัยรุ่นในสังคมไทย
และเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนให้ปลอดภัย ห่างไกลจากยาเสพติด
วัตถุประสงค์ที่ศึกษา
1.เพื่อให้รู้วิธีป้องกันและหลีกเลี่ยงให้ห่างไกลจากยาเสพติด
2. เพื่อส่งเสริมให้ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด
3.เพื่อให้รู้โทษภัยและอันตรายจากยาเสพติด
ขอบเขตของโครงงาน
- ศึกษาเฉพาะเรื่องยาเสพติดของวัยรุ่นไทย
ขั้นตอนการดำเนินงาน
1.คิดหัวข้อโครงงงานเพื่อนำเสนอคุณครูที่ปรึกษา
2.ศึกษาค้นคว้ารวบรวมข้อมูล
3.จัดทำโครงร่าง
4.ศึกษาหาข้อมูลการทำเว็บบล็อก
5.ออกแบบสร้างเว็บบล็อก และจัดทำโครงงาน
6.เผยแพร่โครงงานในเว็บบล็อกสรุปรายงานและทำเป็นรูปเล่ม
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.ได้รับความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาเว็บบล็อก
2.ให้ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด
3.ให้ความรู้เกี่ยวกับวัยรุ่นเรื่องโทษภัยและอันตรายจากยาเสพติด
---------------------------------------------
บทที่
2 หลักการและทฤษฎี
·
แนวคิดทฤษฏีเกี่ยวกับวัยรุ่น
วัยรุ่นถือเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต
คืออยู่ระหว่างความเป็นเด็กและความเป็นผู้ใหญ่
เป็นวัยที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เป็นวัยที่มักเกิดปัญหาในชีวิตมากที่สุด วัยรุ่นจึงเป็นวัยแห่งการเปลี่ยนแปลง
ปัญหาของวัยรุ่น
วัยรุ่นถือได้ว่าเป็นวัยที่สำคัญที่สุด
ซึ่งอาจพัฒนาไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ
หรืออาจหลงเดินทางผิดจนหมดอนาคตตั้งแต่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ นักจิตวิทยาวัยรุ่นได้กล่าวถึงวัยรุ่นว่าเป็น “วัยแห่งพายุบุแคม”
วัยรุ่นจึงเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหามากที่สุด
สาเหตุของปัญหาวัยรุ่นมีหลายประการ ทั้งนี้ ได้มีผู้จัดลำดับสาเหตุในเรื่องต่างๆ
ของวัยรุ่นเรียงตามลำดับมาก – น้อยไว้ดังนี้3 อันดับแรกคือ
1.เรื่องเพศ
2.ยาเสพติด
3.การศึกษา
ตามมาด้วยเรื่อง งาน , การสอบคัดเลือก , เพื่อน , ผลการเรียน
การสอบ , ปัญหาเรื่องเพื่อน ,
ปัญหาครอบครัว เป็นต้น
ทั้งนี้ปัญหาวัยรุ่นส่วนมากที่พบ ได้แก่
ปัญหายาเสพติดในวัยรุ่น
โดยเฉพาะวัยรุ่นที่มีความคึกคะนอง
วัยรุ่นจะมีความอยากรู้อยากทดลองเสพสิ่งเสพติดชนิดต่าง ๆ
เมื่อตนมีโอกาส
โดยมองข้ามโทษภัยของสิ่งเสพติดเหล่านั้นไป
สาเหตุสำคัญที่ทำให้วัยรุ่นติดยาเสพติดนอกจากความคึกคะนองอยากลองนั้น ได้แก่
- การแสวงหาทางออกเมื่อเกิดปัญหาในชีวิต
-
สิ่งแวดล้อมภายในและภายนอกครอบครัวที่มีผู้ติดยาหรือมียาเสพติด
-
การใช้เวลาว่างในทางที่ผิด
-
การถูชักชวนหรือล่อลวงโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ปัจจุบันยาเสพติดมีมากมายหลายชนิด
ทั้งยากระตุ้นประสาท ยาหลอนประสาท ยากล่อมประสาท
และยาที่ช่วยกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ ซึ่งล้วนแต่เป็นอันตรายต่อผู้เสพทั้งสิ้น
การรู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์รวมถึงการนำหลักธรรมมาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจจะสามารถช่วยให้วัยรุ่นห่างไกลจากยาเสพติดได้อย่างไรก็ดี
ความรักและความเข้าใจภายในครอบครัวถือเป็นเกราะป้องกันยาเสพติดที่ดีที่สุด
·
หลัการและทฤษฏีเกี่ยวกับยาเสพติด
ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญประการหนึ่งของประเทศ
ซึ่งบ่อนทำลายทรัพยากรและความมั่นคงของประเทศชาติและสังคมเป็นอย่างมาก ได้มีการดำเนินงานในทุกวิถีทางที่จะป้องกันและปราบปรามมิให้มีการเสพ
การซื้อขาย และการผลิตยาเสพติด
แต่เนื่องจากปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาใหม่ที่มีความยุ่งยากและสลับซับซ้อน
จึงจำเป็นต้องวางแผนสำหรับดำเนินงานในแต่ละด้านอย่างรอบคอบ
และไม่ได้มีแต่ประเทศไทยแห่งเดียวเท่านั้น
ประเทศอื่นๆก็ได้มีความพยายามที่จะยับยั้งการเสพ การซื้อขาย
และการผลิตยาเสพติดอยู่ตลอดเวลา
พฤติกรรมการใช้ยาของมนุษย์นั้น
มีเหตุผล 2 ประการด้วยกัน คือ
1.
เพื่อช่วยให้ตัวเราอยู่ในสภาพที่เป็นสภาพปกติ นั่นก็คือ
เพื่อรักษาโรคและเพื่อปัดเป่าความเจ็บปวดให้เหือดหายไป
2.หรือมิฉะนั้นก็ใช้ยาเพื่อปลดปล่อยตัวเราจากสภาพปกติ
นั่นคือ
เพื่อทำให้เรารู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวาหรือสบายขึ้นเพื่อเปลี่ยนอารมณ์หรือการรับรู้ของเรา
ปัจจุบันนี้ ยาเสพติดได้เข้ามาแพร่หลายในสังคมเราเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นเฮโรอีน มอร์ฟีน และอื่นๆ อีกกว่า 100 ชนิด
ซึ่งนอกจากผู้ใหญ่จะติดยาเสพติดแล้ว ก็ยังมีเยาวชนไทยอายุน้อยๆ ลงไป
ติดยาเสพติดเหล่านี้อีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นการสูญเสียทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม
และการปกครอง เพราะนอกจากผู้เสพยาเสพติดทั้งหลายนี้
จะได้สามารถประกอบอาชีพทำการงานต่างๆไม่ได้แล้ว ยังก่ออาชญากรรม
ทำให้เกิดปัญหาต่อสังคม กระทบกระเทือนต่อประชาชนผู้ไม่ได้เสพยาเสพติดอีกด้วย
ประวัติของยาเสพติด
ยาหรือสารที่ถูกนำมาใช้อย่างผิด ๆ
มีใช้กันมานานตั้งแต่มนุษย์เริ่มค้นพบ ในสมัยโบราณ
ยาหรือสารเหล่านี้มักจะใช้ในพิธีทางศาสนา
เช่นผู้ทำพิธีทางศาสนาของชาวอินเดียนแดงในอเมริกากลาง
ใช้ต้นไม้จำพวกกระบองเพชรซึ่งมีสารหลอนประสาท ทำให้เกิดอาการประสาท
หลอนเห็นภาพต่าง ๆ
และเข้าใจว่าตนสามารถติดต่อกับวิญญาณหรือเทพเจ้าได้ ชาวอินเดียนแดงเผ่าอินคา (Incas)
ในอเมริกาใต้เคี้ยวใบโคคา (COCA) ซึ่งมีโคเคน
โดยถือว่าเป็นของขวัญ ที่พระเจ้าประทานให้
แต่แรกใบโคคานี้ใช้เฉพาะในหมู่พวกกษัตริย์
ของเผ่า
แต่ต่อมาเมื่อประเทศสเปนเข้าครอบครองชนเหล่านี้
ใบโคคา ก็ถูกนำมาใช้ในหมู่ชาวอิน
เดียนแดงทั่วไปเพื่อช่วยให้พวกเขามีกำลังทำงานหนัก
รับใช้ชาวสเปนได้ เมื่อวิทยาศาสตร์เจริญ
ก้าวหน้าขึ้นยาหรือสารเสพติดก็เพิ่มปริมาณและชนิดขึ้น
และมีการนำมาใช้อย่างผิด ๆ หรือเสพ
ติดกันมาก อย่างไรก็ตาม ยาเสพติดชนิดแรกที่คนไทยรู้จักก็คือ
ฝิ่น
ความหมายของยาเสพติดให้โทษ
ยาเสพติดให้โทษ หมายถึง
สารใดก็ตามแต่ไม่ว่าจะเป็นสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือสารที่สังเคราะห์ขึ้น
เมื่อนำเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าทางใด ก็ตาม ออกฤทธิ์ต่อร่างกายและจิตใจ
จะทำให้เกิดการเสพย์ติดได้ หากใช้สารนั้นเป็นประจำทุกวัน หรือวันละหลายครั้ง
ก่อให้เกิดลักษณะสำคัญ 4 ประการ คือ
1. เกิดอาการดื้อยา หรือต้านยา (tolerance) ต้องใช้สารนั้นในปริมาณสูงขึ้นเพื่อให้ได้ฤทธิ์เท่าเดิม
2. เกิดอาการขาดยา, ถอนยา หรืออยากยา (withdrawal) เมื่อใช้สารนั้นเท่าเดิม, ลดลง หรือหยุดใช้
3. ต้องพยายามทุกวิถีทางในการนำสารนั้นมาใช้ให้ได้
4. เกิดโทษต่อตนเองและผู้อื่น ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ
1. เกิดอาการดื้อยา หรือต้านยา (tolerance) ต้องใช้สารนั้นในปริมาณสูงขึ้นเพื่อให้ได้ฤทธิ์เท่าเดิม
2. เกิดอาการขาดยา, ถอนยา หรืออยากยา (withdrawal) เมื่อใช้สารนั้นเท่าเดิม, ลดลง หรือหยุดใช้
3. ต้องพยายามทุกวิถีทางในการนำสารนั้นมาใช้ให้ได้
4. เกิดโทษต่อตนเองและผู้อื่น ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ
ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
พ.ศ.2522 ยาเสพติดให้โทษหมายความว่า สารเคมีหรือวัตถุชนิดใด
ซึ่งเมื่อเสพเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะโดยรับประทาน ดม สูบ ฉีด หรือด้วยประการใดๆ
แล้วทำให้เกิดผลต่อร่างกายและจิตใจในลักษณะสำคัญเช่น
ต้องการเพิ่มขนาดการเสพเรื่อยๆ
มีอาการถอนยาเมื่อขาดยามีความต้องการเสพทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรงอยู่ตลอดเวลาและสุขภาพ
โดยทั่วไปจะทรุดโทรมลง
กับให้รวมตลอดถึงสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่ไม่หมายรวมถึงยาสามัญประจำบ้านบางตำรับ ตามกฎหมายว่าด้วยยาที่มียาเสพติดให้โทษผสมอยู่
ประเภทของยาเสพติด
ยาเสพติด
แบ่งได้หลายรูปแบบ ตามลักษณะต่าง ๆ ดังนี้
1 1.
แบ่งตามแหล่งที่เกิด ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1.1
ยาเสพติดธรรมชาติ (Natural Drugs) คือยาเสพติดที่ผลิตมาจากพืช เช่น ฝิ่น
กระท่อม กัญชา เป็นต้น เฮโรอีน ยาบ้า
1.2
ยาเสพติดสังเคราะห์ (Synthetic Drugs) คือยาเสพติดที่ผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีทางเคมี
เช่น เฮโรอีน แอมเฟตามีน เป็นต้น
1.3
2 2. แบ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 5
ประเภท ได้แก่
2.1
ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 1 ได้แก่ เฮโรอีน แอลเอสดี แอมเฟตามีน หรือยาบ้า
ยาอีหรือยาเลิฟ
2.2
ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 2 ยาเสพติดประเภทนี้สามารถนำมาใช้เพื่อประโยชน์ ทางการแพทย์ได้
แต่ต้องใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์ และใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น ได้แก่ ฝิ่น
มอร์ฟีน โคเคน หรือโคคาอีนโคเคอีน และเมทาโดน
2.3
ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 3 ยาเสพติดประเภทนี้เป็นยาเสพติดให้โทษที่มียาเสพติดประเภทที่
2 ผสมอยู่ด้วย มีประโยชน์ทางการแพทย์
การนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น หรือเพื่อเสพติด จะมีบทลงโทษกำกับไว้
ยาเสพติดประเภทนี้ ได้แก่ ยาแก้ไอ ที่มีตัวยาโคเคอีน ยาแก้ท้องเสีย
ที่มีฝิ่นผสมอยู่ด้วย ยาฉีดระงับปวดต่าง ๆ เช่น มอร์ฟีน เพทิดีน ซึ่งสกัดมาจากฝิ่น
2.4
ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 4 คือสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 1
หรือประเภทที่ 2 ยาเสพติดประเภทนี้ไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์ในการบำบัดโรคแต่อย่างใด
และมีบทลงโทษกำกับไว้ด้วย ได้แก่น้ำยาอะเซติคแอนไฮไดรย์ และ อะเซติลคลอไรด์
ซึ่งใช้ในการเปลี่ยนมอร์ฟีนเป็นเฮโรอีน สารคลอซูไดอีเฟครีน
สามารถใช้ในการผลิตยาบ้าได้ และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทอีก 12 ชนิด ที่สามารถนำมาผลิตยาอีและยาบ้าได้ ผสมผสาน เห็ดขี้ควาย
2.5
ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 เป็นยาเสพติดให้โทษที่มิได้เข้าข่ายอยู่ในยาเสพติดประเภทที่
1 ถึง 4 ได้แก่ ทุกส่วนของพืชกัญชา
ทุกส่วนของพืชกระท่อม เห็ดขี้ควาย เป็นต้น
1 3.
แบ่งตามการออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ
ประเภทที่ 1 ออกฤทธิ์กดประสาท (Depressants)
พวกนี้จะออกฤทธิ์กดประสาทสมองศูนย์ควบคุมการหายใจในสมอง
และประสาทที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะบางอย่างของร่างกาย ยาพวกนี้ได้แก่ ฝิ่น
มอร์ฟีน เฮโรอีน และเซโคบาร์บิทาล (Secobarbital)
ซึ่งเรียกกันในหมู่ใช้ว่า "ปีศาลแดง" หรือ "เหล้าแห้ง"
ไดอะซีแพม ทินเนอร์ กาว ฯลฯ
ประเภทที่ 2 ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท (Stimulants)
จะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทสมองส่วนกลางโดยตรง กระตุ้นการเต้นของหัวใจ และอารมณ์ด้วย
เช่น แอมเฟตามีน (Amphetamine) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า
"ยาม้า" หรือ "ยาขยัน" อีเฟดรีน โคเคน ฯลฯ
ประเภทที่ 3 ออกฤทธิ์หลอนประสาท (Hallucinogen)
จะออกฤทธิ์ต่อประสาทสมอง ทำให้มีการรับรู้ความรู้สึก (Perception) ผิดไป เกิดอาการประสาทหลอน หรือแปลสิ่งเร้าผิด (illusion) ได้แก่ แอลเอสดี (Lysergicaciddietyhlamide)
แกสโซลีน (Gasoline) เปลือกกล้วย ยางมะละกอ และ แฟนไซคลิดีน
(Phencylidine) ดีเอ็มที เห็ดขี้ควาย ฯลฯ
ประเภทที่ 4
ออกฤทธิ์ผสมผสานกัน คือ ออกฤทธิ์ทั้งกดประสาท กระตุ้นประสาท และหลอนประสาท
ได้แก่ กัญชา ใบกระท่อม เมื่อใช้น้อย ๆ จะกระตุ้นประสาท
หากใช้มากขึ้นจะกดประสาทและถ้าใช้มากขึ้นอีกก็จะเกิดประสาทหลอนได้
4. แบ่งตามองค์การอนามัยโลก
ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 9 ประเภท คือ
4.1
ประเภทฝิ่น หรือ มอร์ฟีน รวมทั้งยาที่มีฤทธิ์คล้ายมอร์ฟีน ได้แก่
ฝิ่น มอร์ฟีน เฮโรอีน เพทิดีน
4.2
ประเภทยาปิทูเรท รวมทั้งยาที่มีฤทธิ์ทำนองเดียวกัน ได้แก่
เซโคบาร์ปิตาลอะโมบาร์ปิตาล พาราลดีไฮด์ เมโปรบาเมท ไดอาซีแพม เป็นต้น
4.3
ประเภทแอลกอฮอล ได้แก่ เหล้า เบียร์ วิสกี้
4.4
ประเภทแอมเฟตามีน ได้แก่ แอมเฟตามีน เมทแอมเฟตามีน
4.5
ประเภทโคเคน ได้แก่ โคเคน ใบโคคา
4.6
ประเภทกัญชา ได้แก่ ใบกัญชา ยางกัญชา
4.7
ประเภทใบกระท่อม
4.8
ประเภทหลอนประสาท ได้แก่ แอลเอสดี ดีเอ็นที เมสตาลีน
เมลัดมอนิ่งกลอรี่ ต้นลำโพง เห็ดเมาบางชนิด
4.9
ประเภทอื่น ๆ นอกเหนือจาก 8 ประเภทข้างต้น ได้แก่ สารระเหยต่าง ๆ เช่น ทินเนอร์
เบนซิน น้ำยาล้างเล็บ ยาแก้ปวด และบุหรี่
ยาเสพติดที่แพร่ระบาดในสังคมไทย
มอร์ฟีน (MORPHINE)
โฮโรอีน (HEROIN)
โคเคน (COCAINE)
กัญชา (CANNABIS)
กระท่อม (KRATOM)
เห็ดขี้ควาย (PSILOCYBE CUBENSIS MUSHROOM)
แอมเฟตามีน (AMPHETAMINE)
อีเฟดรีน (EPHEDINE)
แอลเอสดี (LSD)
บาร์บิทูเรต (BARBITIRATE)
สารระเหย (VOLATILE SOLVENT)
สุรา (Alcohol)
บุหรี่
วิธีการเสพยาเสพติดมีหลายทางได้แก่
1. ทางปาก คือ
- กิน เช่น ยาอี, ยากล่อมประสาท และยานอนหลับ เป็นต้น
- เคี้ยว เช่น ใบกระท่อม, ใบโคคา, LSD เป็นต้น
- อม เช่น เหล้าแห้ง , LSD เป็นต้น
- อมไว้ใต้ลิ้น เช่น เฮโรอีน, โคเคน, LSD เป็นต้น
- ซุกไว้ตามซอกเหงือก เช่น ฝิ่น เป็นต้น
- ดื่ม เช่น แอลกอฮอล์, เครื่องดื่มผสมยากระตุ้น, ยากล่อม หรือหลอนประสาท, กัญชา
2. จมูก คือ
- สูด, นัตย์ (Snort) เช่น โคเคน , ยาเค เป็นต้น
- ดม เช่น สารระเหย เป็นต้น
3. สูบ คือ
- คลุกบุหรี่สูบ เช่น กัญชา, ฝิ่น, เฮโรอีน, โคเคน, ยาบ้า เป็นต้น
- สูบบ้องอาจสูบผ่านน้ำหรือไม่ผ่านน้ำก็ได้ เช่น ฝิ่น, กัญชา, โคนเคน,ยาบ้า เป็นต้น
- สูบควันหรือไอระเหย เช่น ยาบ้า, โคเคน เป็นต้น
4. ฉีด คือ
- ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง เช่น เฮโรอีน เป็นต้น
- ฉีดเข้ากล้าม เช่น มอร์ฟีน, เฮโรอีน เป็นต้น
- ฉีดเข้าเส้นเลือดดำ เช่น ยาบ้า, เฮโรอีน, โคเคน เป็นต้น
5. อื่นๆ
- เช่น สอดทวาร, ซุกไว้ใต้หนังตา, ทำเป็นลิปสติกทาปาก หรือทางผิวหนัง เป็นต้น
- กิน เช่น ยาอี, ยากล่อมประสาท และยานอนหลับ เป็นต้น
- เคี้ยว เช่น ใบกระท่อม, ใบโคคา, LSD เป็นต้น
- อม เช่น เหล้าแห้ง , LSD เป็นต้น
- อมไว้ใต้ลิ้น เช่น เฮโรอีน, โคเคน, LSD เป็นต้น
- ซุกไว้ตามซอกเหงือก เช่น ฝิ่น เป็นต้น
- ดื่ม เช่น แอลกอฮอล์, เครื่องดื่มผสมยากระตุ้น, ยากล่อม หรือหลอนประสาท, กัญชา
2. จมูก คือ
- สูด, นัตย์ (Snort) เช่น โคเคน , ยาเค เป็นต้น
- ดม เช่น สารระเหย เป็นต้น
3. สูบ คือ
- คลุกบุหรี่สูบ เช่น กัญชา, ฝิ่น, เฮโรอีน, โคเคน, ยาบ้า เป็นต้น
- สูบบ้องอาจสูบผ่านน้ำหรือไม่ผ่านน้ำก็ได้ เช่น ฝิ่น, กัญชา, โคนเคน,ยาบ้า เป็นต้น
- สูบควันหรือไอระเหย เช่น ยาบ้า, โคเคน เป็นต้น
4. ฉีด คือ
- ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง เช่น เฮโรอีน เป็นต้น
- ฉีดเข้ากล้าม เช่น มอร์ฟีน, เฮโรอีน เป็นต้น
- ฉีดเข้าเส้นเลือดดำ เช่น ยาบ้า, เฮโรอีน, โคเคน เป็นต้น
5. อื่นๆ
- เช่น สอดทวาร, ซุกไว้ใต้หนังตา, ทำเป็นลิปสติกทาปาก หรือทางผิวหนัง เป็นต้น
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ติดยาเสพติด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มวัยรุ่น คือ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มวัยรุ่น คือ
1. จากการถูกชักชวน การถูกชักชวนนี้อาจจะเกิดจากเพื่อนสนิทที่กำลังติดยาอยู่และ
อยากจะให้เพื่อนลองบ้าง ปัญหานี้มักจะเกิดกับเด็กที่มีปัญหาทางครอบครัวขาดความอบอุ่น ใจแตก เอาเพื่อนเป็นที่พึ่งนอกจากนี้ผู้ที่อยู่ในแหล่งที่มีการซื้อขายยาเสพติด ก็อาจจะได้รับการ ชักจูง คุณภาพของยาเสพติดว่าดีต่าง ๆ นานา เช่น อาจจะบอกว่า เมื่อเสพแล้วจะทำให้ปลอด โปร่ง เหมาะแก่การเรียนการทำงาน การชักจูงดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นในขณะที่ผู้ถูกชักจูง กำลังมึนเมา สุราเที่ยวแตร่กัน จึงทำให้เกิดการติดยาได้
อยากจะให้เพื่อนลองบ้าง ปัญหานี้มักจะเกิดกับเด็กที่มีปัญหาทางครอบครัวขาดความอบอุ่น ใจแตก เอาเพื่อนเป็นที่พึ่งนอกจากนี้ผู้ที่อยู่ในแหล่งที่มีการซื้อขายยาเสพติด ก็อาจจะได้รับการ ชักจูง คุณภาพของยาเสพติดว่าดีต่าง ๆ นานา เช่น อาจจะบอกว่า เมื่อเสพแล้วจะทำให้ปลอด โปร่ง เหมาะแก่การเรียนการทำงาน การชักจูงดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นในขณะที่ผู้ถูกชักจูง กำลังมึนเมา สุราเที่ยวแตร่กัน จึงทำให้เกิดการติดยาได้
2. จากการอยากทดลอง อยากรู้อยากเห็น อยากจะรู้รสชาติ อยากสัมผัส
โดยคิดว่า
คงจะไม่ติดง่าย ๆ แต่เมื่อ ทดลอง เสพเข้าไปแล้วมักจะติด เพราะยาเสพติดในปัจจุบัน เช่น เฮโรอีน จะติดง่ายมาก แม้เสพเพียงครั้งหรือสอง ครั้ ก็จะติดแล้ว
คงจะไม่ติดง่าย ๆ แต่เมื่อ ทดลอง เสพเข้าไปแล้วมักจะติด เพราะยาเสพติดในปัจจุบัน เช่น เฮโรอีน จะติดง่ายมาก แม้เสพเพียงครั้งหรือสอง ครั้ ก็จะติดแล้ว
3. จากการถูกหลอกลวง ยาเสพติดมีรูปแบบต่าง ๆ มากมาย
ผู้ถูกหลอกลวงไม่ทราบว่า
สิ่งที่ ตนได้กินเข้าไปนั้น เป็นยาเสพติดให้โทษร้ายแรง คิดว่าเป็นยาธรรมดาไม่มีพิษร้ายแรง อะไรตามที่ผู้หลอกลวงแนะนำผลสุดท้าย กลายเป็นผู้ติดยาเสพติดไป
สิ่งที่ ตนได้กินเข้าไปนั้น เป็นยาเสพติดให้โทษร้ายแรง คิดว่าเป็นยาธรรมดาไม่มีพิษร้ายแรง อะไรตามที่ผู้หลอกลวงแนะนำผลสุดท้าย กลายเป็นผู้ติดยาเสพติดไป
4. เหตุทางกาย ความเจ็บป่วยทางกาย เช่น
ต้องถูกผ่าตัดหรือเป็นโรคปวดศีรษะ เป็นหืด เป็นโรคประสาทได้รับ ความทรมานทางกายมากผู้ป่วยต้องการบรรเทา
พยายามช่วยตัว
เองมานานแต่ก็ไม่หาย จึงหันเข้าหายาเสพติด จนติดยาในที่สุด
เองมานานแต่ก็ไม่หาย จึงหันเข้าหายาเสพติด จนติดยาในที่สุด
5. จากความคึกคะนอง บุคคลประเภทนี้คิดว่าตัวเองเป็นคนเก่งอยากลองซึ่งรู้แก่ใจว่า
ยาเสพติดให้โทษเป็นสิ่งไม่ดีแต่ด้วยความที่คึกคะนองเป็นวัยรุ่นไม่เกรงกลัวอะไร ต้องการแสดง ความเด่นดังอวดเพื่อนว่าข้านี้คือพระเอก ขาดความยั้งคิดจึงเสพยา เสพติดและติดยาในที่สุด
ยาเสพติดให้โทษเป็นสิ่งไม่ดีแต่ด้วยความที่คึกคะนองเป็นวัยรุ่นไม่เกรงกลัวอะไร ต้องการแสดง ความเด่นดังอวดเพื่อนว่าข้านี้คือพระเอก ขาดความยั้งคิดจึงเสพยา เสพติดและติดยาในที่สุด
6. จากสิ่งแวดล้อม เช่น สถานที่อยู่อาศัยแออัด เป็นแหล่งสลัม
หรือเป็นแหล่งที่มี
การเสพและค้ายาเสพติด ภาวะ ทางเศรษฐกิจบีบคั้นจิตใจ เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลเหนือจิตใจผลักดันให้ผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมดังกล่าว บางคนหันมาพึ่งยาเสพติดโดยคิดว่าจะช่วย ให้ตนเองหลุดพ้นจากสภาพต่าง ๆ ที่คับข้องใจเหล่านั้นได้
การเสพและค้ายาเสพติด ภาวะ ทางเศรษฐกิจบีบคั้นจิตใจ เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลเหนือจิตใจผลักดันให้ผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมดังกล่าว บางคนหันมาพึ่งยาเสพติดโดยคิดว่าจะช่วย ให้ตนเองหลุดพ้นจากสภาพต่าง ๆ ที่คับข้องใจเหล่านั้นได้
สาเหตุอื่นๆ
การอยู่ใกล้ชิดกับแหล่งสิ่งเสพติด การอยู่ใกล้แหล่งขายหรือใกล้แหล่งผลิต
หรือ เป็นผู้ขายหรือผู้ผลิตเอง
จึงทำให้มีโอกาสติดสิ่งเสพย์ติดให้โทษนั้นมากกว่าคนทั่วไป
การอยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดสิ่งเสพติด เมื่อมีเพื่อนสนิทหรือพี่น้องที่ติดสิ่งเสพติดอยู่
ผู้นั้นย่อมได้เห็นวิธีการเสพ ของผู้ที่อยู่ใกล้ชิด รวทั้งใจเห็นพฤติกรรมต่างๆ
ของเขาด้วย และยังอาจได้รับคำแนะนำหรือชักชวนจากผู้เสพด้วย จึงมีโอกาสติดได้
สภาพแวดล้อมทางสังคม คนบางคนอยู่ในสภาพที่มีปัญหา เช่น
ว่างงาน ยากจน ค่าใช้จ่ายเพิ่มโดยมีรายได้ลดลง หรือคงที่ มีหนี้สินมาก ฯลฯ
เมื่อแก้ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้ก็หันไปใช้สิ่งเสพย์ติด ช่วยผ่อนคลายความรู้สึกในความทุกข์ยากต่างเหล่านี้
แม้จะรู้ว่าเป็นชั่วครู่ชั่วยามก็ตาม เช่น
กลุ้มใจที่เป็นหนี้คนอื่นก็ไปกินเหล้าหรือสูบกัญชาให้เมาเพื่อที่จะได้ลืมเรื่องหนี้สิน
บางคนต้องการรายได้เพิ่มขึ้นโดยพยายามทำงานให้หนักและมากขึ้นทั้งๆ
ที่ร่างกายอ่อนเพลียมากจึงรับประทานยากระตุ้นประสาทเพื่อให้สามารถทำงานต่อไปได้
เป็นต้น ถ้าทำอยู่เป็นประจำทำให้ติดสิ่งเสพติดนั้นได้
การเลียนแบบ การที่ไปเห็นผู้ที่ตนสนิทสนมรักใคร่เหรือเพื่อนเสพสิ่งเสพติด
จึงเห็นว่าเป็นสิ่งน่าลอง เป็นสิ่งโก้เก๋ เป็นสิ่งแสดงความเป็นพวกเดียวกัน
จึงไปทดลองใช้สิ่งเสพติดนั้นจนติด
การประชดชีวิต คนบางคนมีความผิดหวังในชีวิตตนเอง ผิดหวังในชีวิตครอบครัว หรือผิดหวังในชีวิตสังคม เพื่อเป็นการประชดตนเองหรือคนอื่น จึงไปใช้สิ่งเสพย์ติดจนติด ทั้งๆ ที่ทราบว่าเป็นสิ่งไม่ดี ก็ตาม
การประชดชีวิต คนบางคนมีความผิดหวังในชีวิตตนเอง ผิดหวังในชีวิตครอบครัว หรือผิดหวังในชีวิตสังคม เพื่อเป็นการประชดตนเองหรือคนอื่น จึงไปใช้สิ่งเสพย์ติดจนติด ทั้งๆ ที่ทราบว่าเป็นสิ่งไม่ดี ก็ตาม
การหาซื้อยาไปกินเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
เมื่อกินบ่อยๆก็จะทำให้ติดได้
-
ครอบครัวที่พ่อแม่ไม่มีเวลาดูแลบุตรหลาน
เพราะต้องไปประกอบอาชีพนอกบ้าน ทำให้บุตรหลานไปคบเพื่อนนอกบ้าน
อาจจะมีเพื่อนทีชักนำไปเสพสิ่งเสพติด หรือถูกหลอกลวงไปในทางที่ผิด หรือแม้แต่พ่อ
แม่หย่าร้างกัน ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้บุตรหลานไปเสพยาเสพติดได้
เราจะพูดถึงสาเหตุของการติดยาเสพติดที่มาจากครอบครัวมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ไม่มีเวลาดูแลลูก พ่อแม่หย่าร้างกัน กรณีเหล่านี้อาจทำให้เด็กเกิดความคับแค้นใจ เพราะคิดว่าตนไม่ได้รับความยุติธรรม ทำให้เด็กหันไปใช้ยาเสพติด ทั้งนี้เนื่องจากเด็ก ต้องการใช้ยาเป็นที่พึ่ง เนื่องจากมีความทุกข์ทางใจ หรืออาจจะมีปมด้อยหรืออาจเป็นเพราะเด็กขาดความรัก ความเอาใจใส่จากพ่อแม่ เมื่อเหงาก็ต้องออกไปหาเพื่อนข้างนอก ซึ่งอาจเป็นหนทางนำไปสู่ปัญหาการใช้ยาเสพติดได้
เด็กทุกคนนั้นอยากเป็นคนดี เป็นที่รักของทุกคน เป็นคนที่มีค่า มีความหมายต่อพ่อแม่ ต่อสังคมของตัวเอง ไม่มีใครอยากเป็นคนเลวหรืออยากจะไปติดยาเสพติด แต่การกระทำในบางครั้งของเด็กคิดว่า ตนทำถูกแล้ว ทำดีแล้ว แต่บางครั้งก็อาจจะตรงกันข้ามกับความคิดของผู้ใหญ่ ก็อาจทำให้เกิดการไม่เข้าใจกัน ด้วยความเป็นเด็ก การตัดสินใจ การใช้เหตุผล บางครั้งอาจจะไม่รอบคอบ ไม่เด็ดขาดเท่าที่ควร ทำให้เป็นหนทางที่จะนำไปสู่สิ่งเสพติดได้ง่าย
เราจะพูดถึงสาเหตุของการติดยาเสพติดที่มาจากครอบครัวมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ไม่มีเวลาดูแลลูก พ่อแม่หย่าร้างกัน กรณีเหล่านี้อาจทำให้เด็กเกิดความคับแค้นใจ เพราะคิดว่าตนไม่ได้รับความยุติธรรม ทำให้เด็กหันไปใช้ยาเสพติด ทั้งนี้เนื่องจากเด็ก ต้องการใช้ยาเป็นที่พึ่ง เนื่องจากมีความทุกข์ทางใจ หรืออาจจะมีปมด้อยหรืออาจเป็นเพราะเด็กขาดความรัก ความเอาใจใส่จากพ่อแม่ เมื่อเหงาก็ต้องออกไปหาเพื่อนข้างนอก ซึ่งอาจเป็นหนทางนำไปสู่ปัญหาการใช้ยาเสพติดได้
เด็กทุกคนนั้นอยากเป็นคนดี เป็นที่รักของทุกคน เป็นคนที่มีค่า มีความหมายต่อพ่อแม่ ต่อสังคมของตัวเอง ไม่มีใครอยากเป็นคนเลวหรืออยากจะไปติดยาเสพติด แต่การกระทำในบางครั้งของเด็กคิดว่า ตนทำถูกแล้ว ทำดีแล้ว แต่บางครั้งก็อาจจะตรงกันข้ามกับความคิดของผู้ใหญ่ ก็อาจทำให้เกิดการไม่เข้าใจกัน ด้วยความเป็นเด็ก การตัดสินใจ การใช้เหตุผล บางครั้งอาจจะไม่รอบคอบ ไม่เด็ดขาดเท่าที่ควร ทำให้เป็นหนทางที่จะนำไปสู่สิ่งเสพติดได้ง่าย
การที่จะให้เด็กและเยาวชนห่างไกลจากยาเสพติดนั้น จำเป็นจะต้องแก้ไขปัญหาพื้นฐานที่เป็นสาเหตุของการนำไปสู่การใช้ยาเสพติด ได้แก่
-
ปัญหาครอบครัวและชุมชน
- พร้อมๆกับการการแก้ไขปัญหายาเสพติด
เพื่อลดปริมาณยาเสพติดในสังคมลง
เมื่อเด็กได้รับความรัก
ความอบอุ่นจากการดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่อย่างพอเพียงแล้ว
ปัญหาเด็กติดยาเสพติดก็จะไม่เกิดขึ้น
ความต้องการของเด็กๆจากครอบครัว
- ต้องการความรัก เด็กๆทุกคนต้องการความรักจากผู้ที่เป็นพ่อแม่ของตน เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นเด็กก็จะได้หันไปปรึกษากับพ่อแม่ของตนได้
- ต้องการการยอมรับและความเชื่อถือจากพ่อแม่ พ่อแม่ไม่ควรประคบประหงม ลูกมากเกินไป ควรจะให้โอกาสลูกได้ทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง
- การคบเพื่อน พ่อแม่ควรจะรู้จักเพื่อนของลูกและรวมไปถึงพ่อแม่ของเขาด้วย ย่อมจะดีกว่าการไปบังคับ หรือเข้มงวดในการคบเพื่อน เพราะการเข้มงวด จะทำให้เด็กรู้สึกว่ากำลังโดนบังคับ เขาจะเกิดการต่อต้าน
- การให้เด็กได้เปิดโอกาสชี้แจงเหตุผล พ่อแม่ควรจะรับฟัง ไม่ควรคิดว่าเด็กเถียง เพราะถ้าเด็กได้พูดออกาแล้ว จะได้ทราบความนึกคิดของเด็ก หากเป็นทัศนคติที่ผิด ก็จะได้แก้ไขได้ หากไม่ปล่อยให้พูดเลย เด็กก็จะรับเอาสิ่งที่ผิดๆนั้นไปตลอด
- การให้เวลาในการปรับปรุงตัวเอง ในการที่เด็กจะปรับปรุงนิสัยของตัวเอง พ่อแม่ควรจะให้เวลาแก่เขาบ้าง ในการปรับปรุงตัวของเขาเองให้ดีขึ้น ไม่ควรเร่งรัดให้เขาเปลี่ยนแปลงในทันดีทันใด จะเป็นการบังคับมากกว่าการให้เวลาหรือโอกาส
การที่บางครั้งเด็กทำอะไรผิดพลาดไป เขาก็ต้องการให้พ่อแม่อภัยให้กับเขาบ้าง และก็ควรจะให้โอกาสในการแก้ตัวแก่เด็กด้วย ประการสำคัญที่สุดคือ พ่อแม่ ควรจะให้ความใกล้ชิด คอยดูแลเอาใจใส่เด็กๆบ้าง และสอนให้เด็กรู้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดไม่ดีต่อตัวเขา เมื่อเด็กๆได้รับความอบอุ่นอย่างเพียงพอแล้วก็จะเป็นการยากที่เด็กจะไปติดสิ่งเสพติด
จากปัญหาวัยรุ่นติดยาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญระดับประเทศ
ซึ่งมีผลต่อสภาพจิตใจของวัยรุ่นเองและมีผลกระทบไปถึงครอบครัว สังคม
และประเทศชาติ
ทางกลุ่มผู้จัดทำโครงงาน
“วัยรุ่นไทยห่างไกลยาเสพติด”
ได้เล็งเห็นถึงอนาคตของวัยรุ่นที่ต้องเผชิญกับปัญหา
เรื่องยาเสพติดที่เข้ามาถึงตัวได้อย่างง่ายดาย
โดยที่ไม่มีความรู้เรื่องพิษภัย และวิธีป้องกันและ
หลีกหนีให้พ้นจากยาเสพติดแล้ว
ก็มีโอกาสที่เด็กวัยรุ่นจะติดยาเสพติดได้ง่าย ทางกลุ่มผู้จัดทำ
โครงงานจึงมีความต้องการที่จะทำโครงงานนี้ขึ้น โดยมุ่งเน้นให้วัยรุ่นรู้ถึงพิษภัย
และวิธีที่จะหลีก
หนีให้ห่างไกลจากยาเสพติดทั้งหลาย
เพื่อจะได้นำความรู้ที่ได้รับไปเป็นแนวทางในการป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากยาเสพติดต่อไป
เส้นทางการติดยา(ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต)
เริ่มทดลองอยากรู้อยากเห็น
เมื่อมีคนแนะนำให้ลอง +
ความรู้สึกอยากลองจึง...ลอง หรือเคยสูบบุหรี่
ดื่มเหล้า จะ
ยิ่งทำให้อยากลองมากขึ้น เพราะเกิดการเรียนรู้ว่าทำให้สบาย
และพอใจกว่าเดิม
ใช้เป็นครั้งคราว
เกิดความติดใจ
เรียนรู้ว่าหากใช้มากขึ้นก็จะได้รับผลมากขึ้นเกิดเป็นความรู้สึกดีและ
เป็นสุขอย่างมาก
ใช้สม่ำเสมอ
ใช้พร่ำเพรื่อ
หมกมุ่นกับการหายามาเสพ มีอาการเมายา
การทำงาน / การเรียน สัมพันธภาพกับคน
รอบข้างแย่ลง ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย อาจถูกจับเนื่องจากเสพหรือค้า
เกิดภาวะพึ่งพายาเสพติด
ใช้ยาเสพติดมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน จนเกิดอาการทนต่อยา และภาวะถอนยา หรือ
มีการใช้เกินขนาดโดยไม่ตั้งใจ
การสังเกตอาการผู้ติดยา
การสังเกตอาการผู้ติดยาว่าไม่สามารถเรียนหนังสือ หรือผลการเรียนแย่ลง
เนื่องจากยาเสพติดทั้งหลาย เมื่อเกิดการเสพติดจะมีผลกระทบต่อร่างกายผู้เสพ
ซึ่งทำให้ลักษณะและพฤติกรรมของผู้เสพติดเปลี่ยนไปจากเดิมได้ สังเกตพบคือ
1.
สุขภาพทรุดโทรม
ซึ่งเป็นโทษโดยตรงของสิ่งเสพติด ต่อร่างกาย เช่น ร่างกายซูบ ผอม ปวดศรีษะเป็นประจำ
2.
อารมณ์ฉุนเฉียวหรือเงียบขรึมผิดปกติ
จึงมักพบผู้เสพติด ชอบทะเลาะวิวาท และ ทำร้ายผู้อื่น หรือในทางกลับกัน
แยกตัวอยู่คนเดียว และหนีหน้าออกจากพรรคพวก
3.
เปลี่ยนแปลงทางด้านการเรียน
ถ้าผู้เสพติดเป็นนักเรียน มักพบว่าทำงานลดลงหรือ ไม่ยอมทำงานเลย
4.
สวมแว่นกันแดดตลอดเวลา
เพื่อต้องการซ่อนแก้วตาที่เบิกกว้างหรือต่อสู้แสงสว่าง ไม่ได้
5.
ใส่เสื้อแขนยาวตลอดเวลา
เพื่อปกปิดรอยเข็มที่ฉีดยาตรงแขนด้านใน หรือรอยกรีด ตรงต้นแขนด้านใน
6.
ติดต่อกับเพื่อน
แปลกๆ ใหม่ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกติดยาเสพติดเหมือนกัน
7.
มีลับลมคมในหรือมักอยู่ในที่ลับตาคนอาจเพื่อการซุกซ่อนหรือเสพยา
8.
ขอเงินจากผู้ปกครองเพิ่มขึ้น
หรือยืมเงินจากเพื่อนฝูงเสมอเพื่อซื้อยาเสพติด
9.
ลักโขมยของเล็กๆน้อยๆในบ้านของตนเองเพื่อนบ้านหรือเพื่อนในโรงเรียนเพื่อ หาเงินไปซื้อยาเสพติดจะเห็นได้ว่ายาเสพติดเป็นภัยต่อชีวิต
สังคม และประเทศชาติ ถ้าคนใกล้ชิดมีลักษณะดังกล่าวแล้วควรรีบพาไปรักษาโดยด่วนนะคะ
ลักษณะอาการของผู้ติดยาเสพติด
ผู้ติดยาเสพติดจะมีลักษณะอาการผิดปกติทั้งด้านร่างกาย
จิตใจ อารมณ์ และพฤติกรรมทางสังคม
การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย
- สุขภาพทรุดโทรม
ผอมซูบซีด น้ำหนักลดไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำงานหนัก
-ริมผีปากเขียวซ้ำ
แห้ง แตก
- ม่านตาขยายสู้แสงจ้าไม่ได้ ซึ่งเป็นผลจากการเสพยา จึงมักใส่แว่นตากันแดดอยู่เสมอ
- น้ำมูก น้ำตาไหล มีเหงื่อออกมาก กลิ่นตัวแรง
เพราะไม่ทำความสะอาดร่างกายตัวเอง บางครั้งจะได้กลิ่นกาวหรือสารระเหยออกมาจาตัว
- มีร่องรอยการเสพยาเสพติดให้เห็นบริเวณที่แขนตามแนวเส้นโลหิตดำ
หรือบริเวณสะโพก และหัวไหล ที่อาจจะมีรอยแผลซ้ำ ๆ เนื่องจากการฉีดยาเสพติด
- มีรอยแผลเป็นที่ท้องแขน เป็นรอยกรีดด้วยของมีคมตามขวางเฉียง ๆ
เนื่องจากการทำร้ายตัวเอง
- นิ้วมือ มีรอยคราบเหลือง สกปรก เนื่องจากการสูบ
- ผิวหนังหยาบกร้าน เช่น แผลพุพองอาจมีหนอง น้ำเหลือง
คล้ายโรคผิวหนังเนื่องจากขาดวิตามิน
- ใบหน้าดำคล้ำโดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้มและหน้าผาก
-มีอาการอยากยา
ซึ่งยาเสพติดแต่ละประเภทมีอาการหลังเสพและอาการเมื่ออยากยาหรือขาดยาแตกต่างกัน
- มักใส่เสื้อแขนยาว เพื่อปกปิดร่องรอยเข็มที่ใช้เสพยาเสพติด
ผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย
ผลต่อจิตใจ:
ทำให้ผู้เสพ หวาดระแวง ส่งผลให้พฤติกรรมเปลี่ยนไป เช่น หวาดกลัว ประสาท
หลอน
ทำให้เห็นภาพหลอน หูแว่ว บ้าคลั่ง
เสียสติ อาจทำร้ายตัวเองและผู้อื่น
ผลต่อระบบประสาท:
ในระยะแรกจะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท
ทำให้การตัดสินใจผิดพลาด
สมองเสื่อม กรณีใช้ในปริมาณมาก จะไปกดประสาทและระบบหาใจทำให้หมดสติถึง
แก่ความตายได้
ผลต่อพฤติกรรม:
ผู้เสพจะก้าวร้าว
และมีโอกาสเป็นโรคจิต
ชนิดหวาดระแวง กลัวจะมีคน
มาทำร้าย
การเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์
• มีอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย เช่น เวลาขาดยาจะรู้สึกหงุดหงิดมาก
แต่เมื่อแสพยาแล้วอารมณ์จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
• อุปนิสัยเปลี่ยนไป เช่น จากคนเรียนร้อยกลายเป็นคนก้าวร้าว
• ไม่มีความเชื่อมั่นในตนเอง บุคลิกลักษณะเชื่อถือไม่ได้
• มีความคิดเชื่องช้า สติปัญญาเสื่อมลงความจำเสื่อม มีผลให้การเรียนหรือการงานบกพร่อง
• มีความรู้สึกไม่ปลอดภัย หวาดระแวง
• อารมณ์ฉุนเฉียว ชวนทะเลาะวิวาทและทำร้ายกัน
• มีความวิตกกังวลซึมเศร้า
• ไม่สามารถควบคุมแรงกระตุ้น ที่เกิดจากสภาพแวดล้อมได้
• ขาดความอดกลั้น เป็นคนเจ้าอารมณ์หงุดหงิด เอาแต่ใจตนเอง ขาดเหตุผล
• อยู่นิ่งไม่ได้ หลุกหลิก บางรายชอบเดินไปมา
การเปลี่ยนแปลงทางด้านพฤติกรรมสังคม
• มีพฤติกรรมชอบเก็บตัว เงียบ ขรึมผิดปกติชอบอยู่คนเดียว
และปลีกตัวจากผู้อื่นทำตัวลึกลับ ไม่รับรู้ความเป็นไปใด ๆ
• มีพฤติกรรมใช้เงินเปลืองผิดปกติ เพราะต้องนำเงินไปซื้อยาเสพติดที่มีราคาแพง
• มีพฤติกรรมลักขโมย เมื่อไม่มีเงินพอที่จะ ซื้อยาเสพติด
ก็จะเริ่มมีการลักขโมยจากในบ้านของตนเอง หรือเพื่อนบ้านเพื่อนำเงินไปซื้อยามาเสพ
• มีพฤติกรรมก้าวร้าว เนื่องจากอารมณ์ผู้เสพยาจะแปรปรวนง่าย หงุดหงิดง่าย
ไม่ยอมรับความจริง เมื่อถูกซักถามมากๆจะรู้สึกฉุนเฉียวเพราะถูกจับผิดเรื่องเสพยา
• มีพฤติกรรมเกียจคร้าน ไม่สนใจความเป็นอยู่ของตนเอง
ไม่อยากทำงานใดๆได้แต่ง่วงเหงาหาวนอน
• มีพฤติกรรมคบแต่เพื่อนที่เสพยาด้วยกัน
อาจเป็นเพื่อนกลุ่มใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มีการคุยกันลึกลับและเป็นความลับ
สมองของคนติดยาเสพติด
สมองปกติ
-คิดอย่างมีเหตุผล
-ตัดสินใจได้ดีและมีสติ
-มีความจำ และจินตนาการปกติ
-ควบคุมอารมณ์
ความรู้สึกได้
สมองติดยา
-ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายไม่ได้ มีอาการสั่น กระตุก
-เซลล์สมองถูกทำลายและตายถาวร
-โมโหร้าย ก้าวร้าว
ทำลายข้าวของ
-หลุกหลิก
พูดรัว พูดมาก หวาดระแวง
-การตัดสินใจผิดปกติ
-ไม่มีเหตุผล
-ความจำไม่ดี
-การเรียนตกต่ำ
โรคสมองติดยา คือ
โรคที่เกิดจากสมองถูกทำลายโดยสารเสพติด
ส่งผลให้การทำงานของสมอง ระบบ
ประสาทและกลไกการควบคุมความรู้สึกสูญเสียไป และเมื่อขาดสารเสพติดจะเกิดความทุกข์
ทรมาน
ทำให้ต้องพึ่งพาและเพิ่มปริมาณการใช้สารเสพติดมากขึ้น
วิธีหลีกเลี่ยงยาเสพติด
1 1. ไม่พูดคุยกับผู้เสพยาในที่ลับตาหรือร่วมวงสนทนากับกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติด
2 2. ไม่กระทำตนเป็นผู้รับฝาก
นำส่งหรือหยิบยื่นยาเสพติดให้กับผู้อื่น
3 3. เลือกคบเพื่อนที่ดี
หากิจกรรมที่มีประโยชน์ทำในเวลาว่าง แนะนำเพื่อนให้เลิกยาเสพติด
ถ้าหากเพื่อนหลงผิด ควรแจ้งให้ผู้ปกครอง ครู
อาจารย์ทราบ
4 4. อย่าคิดว่าตนเองเลิกยาเสพติดได้แล้ว
หากจะใช้นิดหน่อยคงไม่ติดอีก
5 5. ไม่เข้าไปในแหล่งที่มีการซื้อขายยาเสพติด
พยายามนึกถึงผลเสียของการใช้ยาเสพติด
6 6. หมั่นให้กำลังใจตนเองในการกระทำความดีที่ทำมาอย่างสม่ำเสมอ
7 7. มองโลกในแง่ดี
มีความหวังในชีวิต ไม่ท้อถอย
8 8. เมื่อมีปัญหาก็ควรปรึกษาพ่อ
แม่ ผู้ปกครองหรือบุคคลที่ไว้วางใจ
ปฏิบัติตัวเพื่อไม่ให้ติดยาเสพติดมีแนวทางสำหรับพ่อ
แม่และผู้ปกครองมีวิธีดังนี้
- ครอบครัวมีความปรอดองกัน
มีความอบอุ่น ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นอย่างดี
- พ่อแม่รับฟังปัญหาของลูก และหาแนวทางแก้ไขให้พร้อมทั้งให้การสนับสนุนและกำลังใจ
- หลีกเลี่ยงการคบเพื่อนซึ่งติดยาเสพติด
- พ่อแม่รับฟังปัญหาของลูก และหาแนวทางแก้ไขให้พร้อมทั้งให้การสนับสนุนและกำลังใจ
- หลีกเลี่ยงการคบเพื่อนซึ่งติดยาเสพติด
-
มีความสุจริตใจในการทำงาน การศึกษาเล่าเรียน และการติดต่อคบหากับผู้อื่น
-ศึกษาเรียนรู้พิษภัยของสารเสพติด
- หลีกเลี่ยงจากกลุ่มคนซึ่งชอบการดื่มสุราหรือสูบบุหรี่
- เตือนใจตัวเองอยู่เสมอว่าการลองเสพสารเสพติดเพียงครั้งเดียว ก็อาจทำให้เสพติดได้
- เมื่อมีการไม่สบายไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจ ให้พบแพทย์หรือได้รับการรักษาด้วยวิธีถูกต้อง
ไม่ควรรับประทานยาเอง โดยเฉพาะยานอนหลับ หรือดื่มสุราเพื่อให้จิตใจสบาย
- เลือกคบเพื่อนที่มีความคิดสร้างสรรค์
- เข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน
- ร่วมในการเล่นกีฬาของโรงเรียน
- บำเพ็ญตนเป็นประโยชน์ในโรงเรียน เช่น ดูแลนักเรียนชั้นเล็ก ๆ
- ตั้งในเรียนให้ดีที่สุด และเอาเวลาว่างจากการเรียนไปทำประโยชน์ เช่น ดูหนังสือ ช่วยครอบครัวทำงาน
- เมื่อเกิดปัญหาปรึกษาผู้ใกล้ชิด เช่น ผู้ปกครอง และครู
- มีงานอดิเรกทำรวมทั้งกิจกรรมเพื่อความเพลิดเพลิน อย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว ๆ วิ่ง ว่ายน้ำ
- หลีกเลี่ยงจากกลุ่มคนซึ่งชอบการดื่มสุราหรือสูบบุหรี่
- เตือนใจตัวเองอยู่เสมอว่าการลองเสพสารเสพติดเพียงครั้งเดียว ก็อาจทำให้เสพติดได้
- เมื่อมีการไม่สบายไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจ ให้พบแพทย์หรือได้รับการรักษาด้วยวิธีถูกต้อง
ไม่ควรรับประทานยาเอง โดยเฉพาะยานอนหลับ หรือดื่มสุราเพื่อให้จิตใจสบาย
- เลือกคบเพื่อนที่มีความคิดสร้างสรรค์
- เข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน
- ร่วมในการเล่นกีฬาของโรงเรียน
- บำเพ็ญตนเป็นประโยชน์ในโรงเรียน เช่น ดูแลนักเรียนชั้นเล็ก ๆ
- ตั้งในเรียนให้ดีที่สุด และเอาเวลาว่างจากการเรียนไปทำประโยชน์ เช่น ดูหนังสือ ช่วยครอบครัวทำงาน
- เมื่อเกิดปัญหาปรึกษาผู้ใกล้ชิด เช่น ผู้ปกครอง และครู
- มีงานอดิเรกทำรวมทั้งกิจกรรมเพื่อความเพลิดเพลิน อย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว ๆ วิ่ง ว่ายน้ำ
เล่นกีฬาปลูกต้นไม้หรือทำงานบ้านขณะออกกำลังกายร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟิน
(endorphin)
ซึ่งจะทำให้เกิดผลดีดังต่อไปนี้
(ก) ลดอาการปวด (ข) เกิดความสุขใจ และ (ค) เพิ่มประสิทธิภาพ
ของระบบภูมิคุ้มกันทำให้ร่างกายแข็งแรง
- ออกกำลังกาย
- ฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยลดความเครียดและช่วยทำให้นอนหลับสบาย
- นั่งสมาธิ ผลดี ของการนั่งสมาธิคือ (1) ทำให้จิตใจสงบ (2) ร่างกายแข็งแรง และ (3) นอนหลับสบาย
- ปฏิบัติตัวตามหลักของพระพุทธศาสนา เช่น ดำเนินชีวิตตามทางสายกลาง รักษาศีลห้า ไม่โลภ
- ออกกำลังกาย
- ฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยลดความเครียดและช่วยทำให้นอนหลับสบาย
- นั่งสมาธิ ผลดี ของการนั่งสมาธิคือ (1) ทำให้จิตใจสงบ (2) ร่างกายแข็งแรง และ (3) นอนหลับสบาย
- ปฏิบัติตัวตามหลักของพระพุทธศาสนา เช่น ดำเนินชีวิตตามทางสายกลาง รักษาศีลห้า ไม่โลภ
มีขันติ ความอดทน อดกลั้น
วางตนสม่ำเสมอและบำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม
ผลดีที่ห่างไกลยาเสพติด
-สุขภาพแข็งแรง
-ครอบครัวอบอุ่น
-สังคมมีความสงบสุข
-มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
การป้องกันปัญหาสิ่งเสพติดต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ดังนี้
1.
ป้องกันตนเอง
การป้องกันตนเองจากยาเสพติด โดยเฉพาะเยาวชนสามารถหลีกเลี่ยงจาก
สารเสพติด ชนิดต่างๆได้นั้น
ทุกฝ่ายจะต้องมีบทบาทช่วยกันป้องกันและแก้ไขปัญหาสารเสพติด เช่น บทบาทของ ครอบครัว
โรงเรียน ศาสนา และชุมชน แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันเยาวชนไม่ให้ติดสารเสพติดได้นั้นคือตัวเยาวชนเอง
ซึ้งการป้องกันและหลีกเลี่ยงสารเสพติดทำได้หลายวิธี เช่น
1.
เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ ผู้ปกครอง
ครูอาจารย์และผู้ใหญ่ที่หวังดี
2.
เมื่อมีปัญหาควรศึกษาพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครูอาจารย์
ไม่เก็บปัญหาเอาไว้ เพราะแก้ไขปัญหาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั้น
อาจนำไปสู่การดำเนินชีวิตที่ผิดพลาดได้
และไม่ควรว่าการเสพสารเสพติดจะช่วยให้ลืมปัญหาเหล่านั้นได้
3.
ศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับพิษภัยของสารเสพติดชนิดต่างๆ
4.
ไม่มั่วสุมกับผู้ที่ติดสารเสพติด
5.
ไม่ชักชวนเพื่อนฝูงทดลองเสพ ยาเสพติด
เมื่ออยู่ในกลุ่มเพื่อนควรจับกลุ่มกันทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ เช่น ออกกำลังกาย
เล่นกีฬา อ่านหนังสือ เป็นต้น
6.
อย่าคิดว่าการดื่มสุรา การสูบบุหรี่ หรือการเสพ สารเสพติด
เป็นเรื่องโก้
7.ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส รักษาสุขภาพอนามัยอยู่เสมอ
หากบุคคลมีสุขภาพจิตไม่ดี ร่างกายไม่แข็งแรง อาจนำไปสู่การใช้สารเสพติดได้
8.
รู้จักเลือกคบเพื่อนที่ดี
และนำแบบอย่างที่ดีของเพื่อนมาประยุกต์ใช้กับชีวิตของตนเอง
9.
ไม่ทดลองเสพ ยาเสพติด ทุกชนิด เพราะติดง่ายแต่รักษาให้หายยาก
10.ยืดมั่นในหลักธรรมของศาสนา ซึ่งคำสอนของทุกศาสนามีจุดมุ่งหมายให้บุคคลประพฤติแต่สิ่งที่ดีงามและละเว้นความชั่ว
11.
หากรู้สึกตัวเองหรือสงสัยว่าถูกหลองให้เสพ ยาเสพติด
ต้องรีบบอกพ่อแม่ผู้ปกครองหรือครูทันที
12.เมื่อพบผู้ใดน่าสงสัยว่าติดสารเสพติดควรแจ้งพ่อแม่ผู้ปกครองหรือครูเพื่อช่วยแนะนำ
ให้ไปรับการบำบัดรักษาโดยเร็ว
13.เมื่อพบหรือทราบเบาะแสของแหล่งที่มีการค้าสารเสพติดให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
อิทธิพลของเพื่อน
เพื่อนเป็นคนสำคัญของเราก็จริงอยู่แต่ถ้าเพื่อนมีอิทธิพลต่อเราในทางที่ไม่ดีพาไปเสียผู้เสียคน
ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนก็ต้องให้สติด้วยการตักเตือน และปฏิเสธไม่ทำตามและชักจูงให้เขาได้ใช้ชีวิตที่ถูกต้องและดี
งามแต่ถ้าหากเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเหลือบ่ากว่าแรงก็คงต้องโบก
มือลาเลิกคบเสียดีกว่า ถือคติที่ว่า “มีเพื่อนดีเพียงหนึ่ง ถึงจะต้องดีกว่าเพื่อนร้อยเพื่อนเลว”
ถ้าเป็นเรื่องยาเสพติด
ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง
ถ้าเป็นเรื่องยาเสพติด
ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ด้วยตนเองเรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องพิสูจน์
ด้วยตนเองแล้วจึงเชื่อแต่เรื่อง ยาเสพติดไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง
เพราะกาลเวลาผ่านมา กี่ยุคกี่สมัย ยาเสพติดก็ยัง
เป็นสิ่งที่มีโทษพิษภัยต่อร่างกายและมีผลกระทบทำลายครอบครัว ชุมชน
และความมั่นคงของประเทศชาติหากลูกหลายจะลงทุนพิสูจน์ยาเสพติดด้วยการทดลองใช้ด้วยตนเองก็เป็นการลงทุนที่สูงมากไม่คุ้มกับกา ลงทุนเพราะยาเสพติดมีฤทธิ์
ทางเภสัชทำให้เสพติดได้และเลิกได้ยาก บางทีอาจสูญเสียเวลาและ อนาคตกับเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นอย่าได้คิดทดลองเลยจะดีกว่า
เยาวชนจะต้องรู้เท่าทันผู้ค้ายาเสพติด
เยาวชนส่วนใหญ่อยู่ในวัยเรียน มีเงินอยู่ในกระเป๋าเสมอสําหรับค่าขนม และค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่จำเป็นซึ่งพ่อแม่และผู้ปกครองให้มา
จึงทำให้ผู้ลักลอบค้ายาเสพติด มีความมั่นใจ
ว่าการค้ายาเสพติดให้กับเยาวชน
นั้นจะทำให้มีลูกค้าอยู่สม่ำเสมอและใช้กลยุทธในการขาย แบบขายตรง
ในกลุ่มเพื่อนสนิทและด้วยความเป็นเพื่อนสนิท จึงไม่กล้าเปิดเผย
ความผิดของเพื่อนและไม่กล้าปฏิเสธเพื่อน จึงทำให้การแพร่ระบาด ยาเสพติดเป็นไป อย่างกว้างขวางและรวดเร็วจึงจำเป็นที่เยาวชนจะต้องรู้เท่าทันกลลวงของผู้ค้ายาเสพติดที่จ้องจะดูด
เงินค่าขนมในกระเป๋าของเยาวชนตลอดมา
1 2.
ป้องกันครอบครัว
1.สร้างความรัก
ความอบอุ่นและความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิกในครอบครัว
2.รู้และปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ของตนเอง
3.ดูแลสมาชิกในครอบครัว
ไม่ให้ข้องเกี่ยวกับยาเสพติด
4.ให้กำลังใจและหาทางแก้ไข
หากพบว่าสมาชิกในครอบครัวติดยาเสพติด
2 3.
ป้องกันชุมชน
การป้องกันชุมชนจากปัญหาสิ่งเสพติดทำได้หลายวิธี เช่น
1.การให้ความรู้
โดยการอบรมแก่ทุกคนในชุมชนให้เห็นโทษหรืออันตรายจากสิ่งเสพติด
2.เสริมกิจกรรมยามว่าง
โดยการส่งเสริมอาชีพแก่ชุมชนยามว่าง เช่น การเย็บเสื้อผ้า การทำ
รองเท้า
เป็นต้น
3.ตั้งศูนย์รับแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับสิ่งเสพติด
เมื่อพบว่ามีการซื้อขายหรือเสพสิ่งเสพติดภายใน
ชุมชน
4.เข้าร่วมโครงการชุมชนปลอดสิ่งเสพติดต่าง
ๆ ทั้งที่ทางราชการจัดขึ้น และชุมชนคิดริเริ่มขึ้นมาเอง
ชุมชนร่วมใจ
: ช่วยเหลือผู้เสพ / ติดยาเสพติด
ทำได้โดย
-ให้กำลังใจว่า....
การติดยาเสพติดรักษาได้
-จูงใจให้ผู้เสพ
ผู้ติดยาเสพติด เข้ารับการบำบัดรักษาก่อนที่จะถูกจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย
-แนะนำสถานบำบัดรักษายาเสพติด
-พาผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด เข้ารับการบำบัดรักษา
สิ่งที่ควรทำ
และ ไม่ควรทำ กับผู้ที่เคยติดยาเสพติด
สิ่งที่ควรทำ
-สู้
ๆ ให้กำลังใจ
-ให้โอกาส
-ชวนเข้าร่วมกิจกรรม เช่น เล่นกีฬา .... กันไหม
-แนะนำอาชีพ
/ ส่งไปฝึกอาชีพ
สิ่งที่ไม่ควรทำ
-มองในแง่ร้าย
-เยาะเย้ย
ถากถาง ซ้ำเติม
-กีดกันออกจากชุมชน
-ไม่ให้โอกาส
-เป็นผู้ต้องหาในทุกกรณี
ผลกระทบต่อครอบครัวและสังคม
-
ครอบครัวแตกแยก ขาดแบบอย่างที่ดีในชีวิต
-
เพื่อนฝูงรังเกียจ
-
สูญเสียทรัพย์สิน
-
เกิดอุบัติเหตุ
-
เกิดอาชญากรรม
-
ผิดศีลธรรม ผิดกฎหมาย
-
ขาดแรงงานในการประกอบอาชีพ
ป้องกันชุมชนทำได้โดย
-ช่วยชุมชนในการต่อต้านยาเสพติด
-เมื่อทราบแห่งเสพ แหล่งค้า
หรือผลิตยาเสพติด ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบทันที ที่
*สำนักงาน ป.ป.ส. โทร 02-2459414 หรือ
02-2470901-19 ต่อ 258
โทรสาร 02-2468526
*ศูนย์รับแจ้งข่าวยาเสพติด
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทร. 1688
3 4.
การป้องกันการติดยาเสพติดในโรงเรียน หรือสถานศึกษา
ภัยอันน่ากลัวของยาเสพติดได้ขยายตัวลุกลามเข้าไป
ในรั้วโรงเรียนเพิ่มมากขึ้นทุกที จนเป็นที่น่าหวั่นเกรงว่า หากไม่ดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน
อาจเป็นสิ่งที่สายเกินไป สำหรับเยาวชนและกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนา
ประเทศในอนาคตในการที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงได้มีการกำหนดมาตรการต่างๆ
ขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหา โดยได้แบ่งการดำเนินงานออกเป็นกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ดังนี้
1. กลุ่มนักเรียนที่ไม่เคยใช้ยาเสพติดเป็นการดำเนินงานป้องกันยาเสพติด แก่กลุ่มนักเรียนที่ไม่มีประสบการณ์ ในการใช้ยาเสพติดเป็นการดำเนินการในด้านการสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดในระยะยาว โดยมีมาตรการดำเนินงานต่างๆ เช่น
- การให้ความรู้หรือผนวกเนื้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดเข้าไว้ ในวิชาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
- การจัดนิทรรศการ การจัดเสียงตามสายในโรงเรียน
- การจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดในโรงเรียน
- การฝึกทักษะชีวิตเพื่อให้รู้จักปฏิเสธยาเสพคิด
- การใช้กิจกรรมกลุ่มเพื่อน
2. กลุ่มนักเรียนที่มีประสบการณ์ในการใช้ หรือเริ่มทดลองใช้ยาเสพติดบางชนิด แต่ยังไม่ถึงขั้นเสพติดการดำเนินงานในกลุ่มนี้เป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องรีบดำเนินการก่อนที่นักเรียนจะใช้ยาเสพติดที่รุนแรงขึ้น ซึ่งการหยุดพฤติกรรมดังกล่าวควรให้ความช่วยเหลือแก่นักเรียน ดังนี้
- จัดให้มีมุมบริการปรึกษาแนะแนวหรือให้การปรึกษาปัญหาต่างๆ แก่นักเรียนที่มีปัญหา
- ใช้กิจกรรมกลุ่มเพื่อนเพื่อปรับพฤติกรรมให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม
- จัดค่ายกิจกรรมในโรงเรียนโดยมีครูอาจารย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
- ประสานงานกับผู้ปกครองอย่างใกล้ชิดเพื่อร่วมกันแก่ไขปัญหา
3. กลุ่มนักเรียนที่ติดยาเสพติดกลุ่มนี้โรงเรียนควรประสานให้ผู้ปกครองส่งตัวเข้ารับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ โดยควรทำความเข้าใจทั้งกับตัวผู้ ปกครองและตัวเด็กเอง ให้เข้ารับการบำบัดรักษาด้วยความสมัครใจ ซึ่งเมื่อรักษาหายแล้วเด็กสามารถที่จะกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติกลุ่มนักเรียนที่มีพฤติกรรมค้ายาเสพติดสำหรับกลุ่มนี้ ทางโรงเรียนควรประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการปราบปราม ก่อนที่การแพร่ระบาดจะขยายตัวมากขึ้น หากเป็นนักเรียนที่มีพฤติกรรมเสพด้วยและค้าด้วย ควรประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การบำบัดรักษาและดำเนินการไปตามกฎหมาย
1. กลุ่มนักเรียนที่ไม่เคยใช้ยาเสพติดเป็นการดำเนินงานป้องกันยาเสพติด แก่กลุ่มนักเรียนที่ไม่มีประสบการณ์ ในการใช้ยาเสพติดเป็นการดำเนินการในด้านการสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดในระยะยาว โดยมีมาตรการดำเนินงานต่างๆ เช่น
- การให้ความรู้หรือผนวกเนื้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดเข้าไว้ ในวิชาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
- การจัดนิทรรศการ การจัดเสียงตามสายในโรงเรียน
- การจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดในโรงเรียน
- การฝึกทักษะชีวิตเพื่อให้รู้จักปฏิเสธยาเสพคิด
- การใช้กิจกรรมกลุ่มเพื่อน
2. กลุ่มนักเรียนที่มีประสบการณ์ในการใช้ หรือเริ่มทดลองใช้ยาเสพติดบางชนิด แต่ยังไม่ถึงขั้นเสพติดการดำเนินงานในกลุ่มนี้เป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องรีบดำเนินการก่อนที่นักเรียนจะใช้ยาเสพติดที่รุนแรงขึ้น ซึ่งการหยุดพฤติกรรมดังกล่าวควรให้ความช่วยเหลือแก่นักเรียน ดังนี้
- จัดให้มีมุมบริการปรึกษาแนะแนวหรือให้การปรึกษาปัญหาต่างๆ แก่นักเรียนที่มีปัญหา
- ใช้กิจกรรมกลุ่มเพื่อนเพื่อปรับพฤติกรรมให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม
- จัดค่ายกิจกรรมในโรงเรียนโดยมีครูอาจารย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
- ประสานงานกับผู้ปกครองอย่างใกล้ชิดเพื่อร่วมกันแก่ไขปัญหา
3. กลุ่มนักเรียนที่ติดยาเสพติดกลุ่มนี้โรงเรียนควรประสานให้ผู้ปกครองส่งตัวเข้ารับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ โดยควรทำความเข้าใจทั้งกับตัวผู้ ปกครองและตัวเด็กเอง ให้เข้ารับการบำบัดรักษาด้วยความสมัครใจ ซึ่งเมื่อรักษาหายแล้วเด็กสามารถที่จะกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติกลุ่มนักเรียนที่มีพฤติกรรมค้ายาเสพติดสำหรับกลุ่มนี้ ทางโรงเรียนควรประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการปราบปราม ก่อนที่การแพร่ระบาดจะขยายตัวมากขึ้น หากเป็นนักเรียนที่มีพฤติกรรมเสพด้วยและค้าด้วย ควรประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การบำบัดรักษาและดำเนินการไปตามกฎหมาย
การป้องกันในโรงเรียน
ครูควรให้ความรู้เกี่ยวกับโทษและอันตรายของสิ่งเสพติดให้กับนักเรียน จัดให้มีกิจกรรมนันทนาการในโรงเรียนให้เพียงพอและสนับสนุนให้นักเรียนได้ร่วมกิจกรรมนันทนาการต่างๆและสอนให้เด็กรู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
ครูควรให้ความรู้เกี่ยวกับโทษและอันตรายของสิ่งเสพติดให้กับนักเรียน จัดให้มีกิจกรรมนันทนาการในโรงเรียนให้เพียงพอและสนับสนุนให้นักเรียนได้ร่วมกิจกรรมนันทนาการต่างๆและสอนให้เด็กรู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
โรงเรียนเป็นสถาบันสำคัญรองลงมาจากครอบครัวจึงมีบทบาทสำคัญที่จะทำให้เยาวชนปลอดภัยจากสารเสพติดโดยโรงเรียนควรแสดงบทบาทดังนี้
1.ให้ความรู้ในเรื่องสารเพติดแก่นักเรียนทุกคนอย่างสม่ำเสมอ
2.ครูควรให้ความเอาใจใส่ในการดูแลนักเรียนและเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้แก่นักเรียน
3.เมื่อทราบว่ามีนักเรียนติดยาเสพติดโรงเรียนต้องรีบแจ้งให้พ่อแม่หรือ
ผู้ปกครองของนักเรียนทราบและร่วมมือกันแก้ปัญหาให้กับนักเรียนต่อไป
4.โรงเรียนควรจัดกิจกรรมต่างๆและแหล่งนันทนาการให้แก่นักเรียนอย่าง
เพียงพอ โดยโครงการป้องกันสารเสพติดที่พบเห็นกันอยู่บ่อยๆ ได้แก่ โครงการโรงเรียนสีขาว โครงการ To be number one เป็นต้น
1.ให้ความรู้ในเรื่องสารเพติดแก่นักเรียนทุกคนอย่างสม่ำเสมอ
2.ครูควรให้ความเอาใจใส่ในการดูแลนักเรียนและเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้แก่นักเรียน
3.เมื่อทราบว่ามีนักเรียนติดยาเสพติดโรงเรียนต้องรีบแจ้งให้พ่อแม่หรือ
ผู้ปกครองของนักเรียนทราบและร่วมมือกันแก้ปัญหาให้กับนักเรียนต่อไป
4.โรงเรียนควรจัดกิจกรรมต่างๆและแหล่งนันทนาการให้แก่นักเรียนอย่าง
เพียงพอ โดยโครงการป้องกันสารเสพติดที่พบเห็นกันอยู่บ่อยๆ ได้แก่ โครงการโรงเรียนสีขาว โครงการ To be number one เป็นต้น
4 5.
รัฐบาล
1.การให้การศึกษาแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง
2. แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมอย่างจริงจัง และจัดสรรงบประมาณในการป้องกันและปราบปรามสิ่งเสพติด
3. จัดบุคลากรและหน่วยงานในการป้องกันและปราบปรามสิ่งเสพติดให้เพียงพอ และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
4. การบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจัง บางครั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนที่ดูแลด้านสิ่งเสพติดก็ปล่อยปละละเลย หรือทำการค้าสิ่งเสพติดเสียเอง ทำให้การปราบปรามไม่ได้ผลเท่าที่ควร ดังนั้นรัฐบาลจึงควรเข้ทมงวดกับผู้กระทำผิดและลงโทาผู้กระทำผิดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
1.การให้การศึกษาแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง
2. แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมอย่างจริงจัง และจัดสรรงบประมาณในการป้องกันและปราบปรามสิ่งเสพติด
3. จัดบุคลากรและหน่วยงานในการป้องกันและปราบปรามสิ่งเสพติดให้เพียงพอ และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
4. การบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจัง บางครั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนที่ดูแลด้านสิ่งเสพติดก็ปล่อยปละละเลย หรือทำการค้าสิ่งเสพติดเสียเอง ทำให้การปราบปรามไม่ได้ผลเท่าที่ควร ดังนั้นรัฐบาลจึงควรเข้ทมงวดกับผู้กระทำผิดและลงโทาผู้กระทำผิดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
โทษของยาเสพติด
เนื่องด้วยพิษภัยหรือโทษของสารเสพติดที่เกิดแก่ผู้หลงผิดไปเสพสารเหล่านี้เข้า
ซึ่งเป็นโทษที่มองไม่เห็นชัด เปรียบเสมือนเป็นฆาตกรเงียบ
ที่ทำลายชีวิตบุคคลเหล่านั้นลงไปทุกวัน ก่อปัญหาอาชญากรรม ปัญหาสุขภาพ
ก่อความเสื่อมโทรมให้แก่สังคมและบ้านเมืองอย่างร้ายแรง
เพราะสารเสพย์ติดทุกประเภทที่มีฤทธิ์เป็นอันตรายต่อร่างกายในระบบประสาท สมอง
ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์บัญชาการของร่างกายและชีวิตมนุษย์
การติดสารเสพติดเหล่านั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรเกิดขึ้นแก่ร่างกายเลย
แต่กลับจะเกิดโรคและพิษร้ายต่างๆ จนอาจทำให้เสียชีวิต หรือ
เกิดโทษและอันตรายต่อครอบครัว เพื่อนบ้าน สังคม และชุมชนต่างๆ ต่อไปได้อีกมาก
โทษภัยต่อครอบครัว
• ทำลายความสุขในบ้าน
ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของสมาชิกในครอบครัว เป็นเหตุให้เกิดปัญหาต่าง
ตามมาจนอาจทวีความรุนแรงให้ครอบครัวแตกแยก
•
สูญเสียรายได้ของครอบครัว เนื่องจากมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นจากการซื้อ
ยาเสพติด หรือบำบัดรักษาผู้ที่ติดยาเสพติด
•
พ่อแม่ ผู้ปกครอง ขาดที่พึ่งในยามเจ็บป่วยหรือชราภาพ
•
ทำลายชื่อเสียงวงศ์ตระกูล และเป็นที่รังเกียจของสังคม
•
ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน เพราะคนในครอบครัวที่มีปัญหายาเสพติด
มักจะก่ออาชญากรรม
หากผู้ปกครองปล่อยปละละเลยให้บุตรหลานเสพยาเสพติดให้โทษผู้ปกครองมีความผิดหรือไม่
ผู้ปกครองมีหน้าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดู
อบรมสั่งสอนดูแลเอาใจใส่เด็กในความปกครองให้ประพฤติตนให้เหมาะสมหากผู้ปกครองรายใดไม่ดูแลเอาใจใส่
เป็นเหตุให้เด็กประพฤติ ตนไม่สมควรมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำความผิด เช่น
เสพยาเสพติดให้โทษ เป็นต้นผู้ปกครองอาจจะมีความผิดถึงรับโทษจำคุกไม่เกิน 3เดือน หรือปรับไม่เกิน สามหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับตาม
พ.ร.บ.ค้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 4,26,78 ประกอบกฎกระทรวงกำหนดเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด พ.ศ.2549 ลงวันที่ 8 ส.ค.49
ผู้ปกครองจึงไม่ควรสนับสนุนหรือยินยอมให้บุตรหลานของท่านเที่ยวเตร่ในสถานที่ที่ไม่เหมาะสมเช่น
สถานบริการกลางคืน สถานที่เสี่ยงภัยต่างๆ
โทษภัยต่อชุมชนและสังคม
•
ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆในชุมชน
•
เป็นบ่อเกิดให้ชุมชนเสื่อมโทรม สังคมถูกทำลาย
•
ทำลายเยาวชน อันเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชุมชนและสังคม
•
ทำให้การพัฒนาชุมชน และสังคมในด้านต่าง ๆเป็นไปอย่างเชื่องช้า
•
สูญเสียรายได้ของชุมชนและสังคม
•
ทรัพย์สินของคนในชุมชนและสังคมเสียหาย เนื่องจากพฤติกรรมทางจิตประสาท
•
ก่อให้เกิดปัญหาอุบัติเหตุเนื่องจากฤทธิ์ของยา
•
ก่อให้เกิดปัญหาโรคเอดส์
โทษภัยต่อประเทศชาติ
•
บ่อนทำลายเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศชาติ
•
รัฐบาลต้องสูญเสียกำลังเจ้าหน้าที่และค่าใช้จ่ายในการป้องกันปราบปรามและรักษาผู้ติดยาเสพติดจำนวนมาก
•
สูญเสียทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพสำหรับการพัฒนาประเทศ
•
เพิ่มภาระการเสียภาษีของประชาชน
เพราะรัฐบาลต้องนำภาษีของประชาชนไปใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหายาเสพติด
•
การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นไปอย่างเชื่องช้า
•
สูญเสียแรงงานในการปฏิบัติงานทำให้ประเทศขาดรายได้
•
ประเทศชาติต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติภูมิ
ในสายตาของชาวต่างประเทศ
•
อาจทำให้เกิดข้อขัดแย้งทางการเมืองหรือความไม่สงบระหว่างประเทศ
•
ผู้ที่ไม่ประสงค์ดีต่อชาติอาจใช้ยาเสพติดเป็นเครื่องมือในการบ่อนทำลายความมั่นคง
•
ประเทศชาติพัฒนาไปอย่างเชื่องช้า
โครงการ TO BE NUMBER ONE
คือ โครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด
ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี ทรงเป็นองค์ประธานอำนวยการ
คำขวัญของโครงการ
คือ : เป็น 1
โดยไม่พึ่งยาเสพติด
พบเบาะแสยาเสพติด แจ้ง 1386 สายด่วน ป.ป.ส
............................................................
บทที่
3 วิธีดำเนินการ
วิธีการดำเนินโครงงาน
3.1 โปรแกรมที่ใช้ในการทำโครงงาน
3.1.1 โปรแกรม Microsoft Word 2010
3.1.2 เว็บไซต์ที่ให้บริการคือ http://www.blogger.com/
3.2 วิธีการดำเนินโครงงาน
สร้างเว็บบล็อก (Blogger)
2.เมื่อเราเข้าไปที่ blogger ที่ได้ทำการล็อกอินบัญชีของ Gmail แล้ว หน้าแรกของ blogger จะมีหน้าตาดังภาพ
3. เมื่อเราคลิกไปที่เมนูเพื่อสร้างบล็อกใหม่แล้ว
ให้ทำการกรอกรายละเอียดดังนี้ คือ ตรงหัวข้อ ให้พิมพ์ชื่อบล็อก ตรงที่อยู่
ให้ตั้งชื่อ URL ซึ่งควรใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษและตัวเลข
และต้องดูตรงสถานะของบล็อกด้วยว่าชื่อ URL ที่ตั้งไปนั้นมีผู้ใช้แล้วหรือยังไม่มีผู้ใช้
มันจะแจ้งว่า “ที่อยู่บล็อกนี้สามารถใช้ได้” เสร็จแล้วให้ทำการเลือกรูปแบบ
จากแม่แบบว่าจะให้บล็อกมีหน้าตาในการแสดงผลเช่นไร เมื่อเลือกแล้วก็ คลิกเมนู
“สร้างบล็อก”
4.เข้ามาคลิกตรง “บทความ” จะขึ้นว่าสร้างโพสใหม่
เขียนชื่อ เรื่องของตัวเองใส่เนื้อหา และเผยแพร่
่
แนวทางการดำเนินงาน
แนวทางการดำเนินงาน 1.หาข้อมูลจากเว็บไซต์
http://jaratphim.blogspot.com/
เครื่องมือและอุปกรณ์ 1.Microsoft Word
2.Google Chrome
3.E-Book
งบประมาณ กระดาษ 50 บาท
ปริ้นสี 120 บาท
รวมเป็นเงิน 170 บาท
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
ภาคเรียนที่...1...ปีการศึกษา..2560..
ระยะเวลาในการดำเนินงาน : 3 เดือน
(มิ.ย. 60– ส.ค. 60)
บทที่
4 ผลการศึกษา
คณะผู้จัดทำสามารถดำเนินการได้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
โดยการวางแผนวิธีการดำเนิน
การอย่างเป็นขั้นตอน
และมีการนำเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตมาใช้ในการทำ
โครงงานได้ดังนี้
1.สามารถรวบรวมข้อมูล
เกี่ยวกับยาเสพติด จากทางอินเตอร์เน็ต
2.ได้รู้ถึงโทษและภัยของยาเสพติด
3.รู้จักป้องกันตัวเองไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
4.รู้ประเภทของยาเสพติด
5.สามารถนำความรู้ไปแนะนำให้กับผู้ที่สนใจ
ได้ศึกษาในเรื่องยาเสพติดดังกล่าว
บทที่
5 สรุปผลและข้อเสนอแนะ
5.1สรุปผล
คณะผู้จัดทำได้รับความรู้เกี่ยวกับยาเสพติดซึ่งยาเสพติดนี้ได้สร้างปัญหามากมายในสังคมไทย
ทำให้สังคมไทยเสื่อมลงมาก
โดยความรู้ที่ได้นั้นจะสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์
แก่ผู้ที่สนใจจะศึกษาและต้องการรู้วิธีป้องกันได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย อันประกอบไปด้วย
-หลักการและทฤษฏีด้าน
แนวคิดทฤษฏีเกี่ยวกับวัยรุ่น , ปัญหาของวัยรุ่น , ปัญหายาเสพติดใน
วัยรุ่น
-หลักการและทฤษฏีเกี่ยวกับยาเสพติด ได้แก่ ประวัติของยาเสพติด ,
ความหมายของยาเสพติด ประเภทของยาเสพติด , ยาเสพติดที่แพร่ระบาดในสังคมไทย ,
วิธีการเสพยาเสพติด , สาเหตุสำคัญที่ทำให้ติดยาเสพติด , การสังเกตอาการผู้ติดยา ,
ลักษณะผู้ติดยาเสพติด , วิธีหลีกเลี่ยง
ยาเสพติด ,โทษของยาเสพติด
-การป้องกันปัญหาสิ่งเสพติดต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายดังนี้
ป้องกันตนเอง
ป้องกันชุมชน
ป้องกันโรงเรียนหรือสถานศึกษา
รัฐบาล
ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้วัยรุ่นรู้จักวิธีป้องกันและโทษของยาเสพติดมากขึ้น
5.2 ข้อเสนอแนะ
1.จัดกิจกรรมรณรงค์การต่อต้านยาเสพติด โดยให้นักเรียนเป็นผู้คิดสร้างสรรค์
เช่น
จัดการแสดงบนเวทีประกวดแข่งขันชิงรางวัล
สะท้อนปัญหายาเสพติด
2.
ประกวดเรียงความ หรือคำขวัญยาเสพติด
ตอบคำถามปัญหายาเสพติด เป็นต้น
3.
มีป้ายรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดในห้องน้ำ บริเวณโรงเรียน
4.ข้มูลเกี่ยวกับยาเสพติดมีอย่างหลากหลาย
ควรมีการวิเคราะห์ส่วนที่เป็นเนื้อหา
ที่สำคัญจริง ๆ
บรรณานุกรม
Jaratphim.blogspot.com
arts.kmutt.ac.th/ssc210/group/20projct/g243/know/20drug/ssc2.html
ww.thanyarak.go.th
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น